ยิ่งกว่านิยาย หนุ่มโดนตัดขา 2 ข้าง พบรักแท้สาวสวย ควงคู่วิวาห์หวาน ไม่สนคำครหา

ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย หนุ่มป่วยหนักจนต้องถูกตัดขาทั้งสองข้าง พบรักแท้กับสาวสวย หลังคบหากันได้ 5 เดือน ควงแขนเข้าประตูวิวาห์หวาน

เมื่อเร็วๆ นี้ เบื้องหลังการเตรียมงานแต่งงานของ ดิ่ญ คั้ญ หนุ่มวัย 29 ปี และ เถื่อง หญิงสาววัย 26 ปี กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ของเวียดนาม เนื่องจากฝ่ายชายป่วยหนักจนต้องผ่าตัดขาทั้งสองข้าง ส่วนฝ่ายหญิงเป็นสาวสวย

โดยคลิปเบื้องหลังงานแต่งมากมายถูกโพสต์ลงแอปพลิเคชั่น TikTok ชื่อว่า todinhkhanh ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 390,000 คน โดยผู้คนต่างแสดงความชื่นชมเรื่องราวความรักของคนทั้งคู่ และส่งคำอวยพรให้กับทั้งสองคน

อย่างไรก็ตาม เถื่องก็เคยได้รับคำดูถูกมากมาย เมื่อมาคบกับคั้ญ เพราะหลายคนมองว่าเธอมาคบฝ่ายชายเพราะเรื่องเงิน ไม่ช้าก็เร็วทั้งสองก็ต้องเลิกกัน 

แต่ เถื่อง ไม่สนคำวิจารณ์ เธอเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เธอรู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจเมื่ออยู่กับคั้ญ ดังนั้นเธอจึงเชื่อว่า เขาจะเป็นสามีที่ดี สามารถมอบชีวิตให้กับเธอได้

"การได้อยู่เคียงข้างคนๆ นี้ ฉันรู้สึกว่ามีคนเข้าใจฉัน ฉันรู้สึกปลอดภัย ไม่ต้องคิดมากกับเรื่องเหนื่อยๆ ในชีวิต หัวใจของฉันก็สดใส" เถื่อง กล่าว

ก่อนหน้านี้ คั้ญ เคยเล่าผ่าน TikTok ของเขาว่า เมื่อกลางปี ​​2561 แพทย์บอกว่า เขามีเส้นเลือดอุดตันในช่องท้องจนเลือดไม่สามารถเคลื่อนลงมาที่ขาได้ ทำให้เขาต้องตัดขา เพื่อให้มีโอกาสรอด 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นเขาจึงจำต้องผ่าตัด 2 ครั้งเพื่อตัดขา และรักษาขาที่เป็นเนื้อตาย และกลายเป็นผู้พิการโดยสมบูรณ์

คั้ญเคยอยากฆ่าตัวตาย แต่ด้วยความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ให้ได้ ประกอบกับความรัก ความห่วงใย รวมทั้งกำลังใจจากญาติ และเพื่อนฝูง ทำให้เขาก้าวผ่านความยากลำบากและสามารถปรับตัวได้

เมื่อ 5 ปีก่อน คั้ญ รู้จักกับ เถื่อง ผ่านโซเชียลมีเดีย ขณะฝ่ายหญิงอยู่ที่ญี่ปุ่น จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ทั้งคู่ก็ได้คุยกันอย่างจริงจัง โดยมักจะส่งข้อความและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ระหว่างกัน

กระทั่ง เถื่อง เดินทางกลับมาที่เวียดนาม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งเมื่อพบหน้า คั้ญ ที่มารอรับเธอที่สนามบิน เธอก็รีบวิ่งมากอดเขาทันที หลังจากนั้นทั้งสองคนคบหาดูใจกันเป็นเวลา 5 เดือน ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน

ทั้งนี้ พิธีวิวาห์มีกำหนดจัดขึ้นในกลางเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยมีการเชิญแขกมาเข้าร่วมแสดงความยินดีมากกว่า 400 คน

ขอขอบคุณ:  ต่างประเทศ